คำถามที่พบบ่อย

บุหรี่ไฟฟ้า คืออะไร?

บุหรี่ไฟฟ้าคืออุปกรณ์สำหรับส่งผ่านไอน้ำ และนิโคตินเข้าสู่ร่างกาย โดยใช้กลไกจากระบบไฟฟ้าเป็นพลังงานในการสร้างความร้อน ทำให้สิ่งที่เรียกว่าน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้านั้นระเหยกลายเป็นไอน้ำพร้อมกับนิโคติน โดยไม่เกิดการเผาไหม้แบบบุหรี่มวนทั่วๆไป ทำให้ลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆจากการสูบบุหรี่มวน ในปัจจุบันผู่ที่สูบบุหรี่ส่วนมากหันมาใช้งานบุหรี่ไฟฟ้ากันมากขึ้น เพราะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าเมื่อเทียบกับการสูบบุหรี่มวน

ประวัติความเป็นมาของบุหรี่ไฟฟ้า

หากจะกล่าวถึงที่มาที่ไปของบุหรี่ไฟฟ้าคงต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 1960 Herbert A. Gilbert ชาวอเมริกันได้คิดค้นบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาเป็นตัวแรกของโลกโดยจดชื่อทางสิทธิบัตรไว้ว่า Smokeless non-tobacco cigarette เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่สูบบุหรี่มวนในช่วงนั้น เนื่องจากเป็นยุคที่เริ่มมีการค้นพบโรคต่างๆที่เกิดจากการสูบบุหรี่มวน แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมเพราะบุหรี่ไฟฟ้าที่คิดค้นขึ้นมาไม่มีส่วนผสมของนิโคติน จึงไม่ตอบโจทย์การใช้งานของบรรดาสิงห์นักสูบในยุคนั้น

ต่อมาจนยุคปี 2000 ได้มีเภสัชกรชาวจีนนามว่า Hon Lik ผู้ซึ่งสูญเสียบิดาไปด้วยโรคมะเร็ง นั้นจึงเป็นแรงบันดาลใจในการที่ทำให้เขาคิดค้นบุหรี่ไฟฟ้าที่มีนิโคตินขึ้นมา เพื่อใช้ทดแทนการสูบบุหรี่มวน โดยกล่าวว่าบุหรี่ไฟฟ้าคือนวัตกรรมในการสูบนิโคตินที่สะอาด และปลอดภัยกว่า

ประเภทของบุหรี่ไฟฟ้า

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา บุหรี่ไฟฟ้าได้มีวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาให้ตอบโจทย์การใช้งานให้ได้มากที่สุด โดยประเภทของบุหรี่ไฟฟ้านั้น จะมีหลักๆด้วยกันดังนี้

  1. มอดยิงสด (Machanical Mod)บุหรี่ไฟฟ้าแบบจ่ายไฟโดยตรงจากแบตเตอรี่ หรือถ่าน ไม่มีแผงวงจรควบคุมการจ่ายไฟ ไม่มีปุ่มกด ไม่สามารถตั้งค่าใดๆได้ จ่ายไฟด้วยระบบ Bypass ตามความแรงของถ่าน ผู้ที่ใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าชนิดนี้จะต้องมีประสบการณ์ และเข้าใจเรื่องระบบไฟฟ้า เพราะหากการจ่ายไฟไม่เสถียรอาจทำให้เกิดการลัดวงจร หรือระเบิดได้ แต่ก็เป็นบุหรี่ไฟฟ้าที่นักสูบโดยเฉพาะสายควันชอบใช้งานกัน
  2. กล่องปรับวัตต์ (Box Mod) บุหรี่ไฟฟ้าที่จ่ายไฟได้แรง เทียบเท่ากับมอดยิงสด แต่ปลอดภัยกว่าด้วยแผงวงจรควบคุมการจ่ายไฟ หากเกิดความขัดข้องตัวเครื่องจะตัดการจ่ายไฟทันที มาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งาน และลูกเล่นมากมายเป็นบุหรี่ไฟฟ้าอีกหนึ่งประเภทที่นักสูบนิยมใช้งานกัน
  3. พอตไฟฟ้า (Pod System) บุหรี่ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมสูงมากๆ เป็นบุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้งานง่าย ฟังก์ชั่นไม่เยอะ เน้นการทำงานเป็นหลัก เครื่องเล็ก น้ำหนักเบา เหมาะสำหรับการพกพา โดยพอตไฟฟ้าจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ
    3.1 พอตระบบเปิด (Pod Open System) เป็นพอตที่สามารถเปลี่ยนคอยล์ หรือเติมน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าได้เองตามใจผู้ใช้ มีโหมดการทำงานให้เลือก สามารถปรับการจ่ายไฟได้ บางรุ่นอาจจะไม่สามารถปรับการจ่ายไฟได้ ขึ้นอยู่กับรุ่นของพอตที่เลือกใช้งาน

3.2 พอตระบบปิด (Pod Close System) หรือพอตเปลี่ยนหัว พอตไฟฟ้าที่ผู้ใช้ไม่สามารถเปลี่ยนคอยล์ หรือเติมน้ำยาเองได้ โดยน้ำยา และคอยล์จะถูกติดตั้งมาให้ในหัวพอต เมื่อใช้งานหมด ก็สามารถเปลี่ยนใหม่ได้ทั้งหัวเลย

3.3 พอตใช้แล้วทิ้ง (Disposable Pod) เป็นบุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้งานง่ายที่สุด เพราะผู้ใช้ไม่ต้อทำอะไรเลย เพียงแค่แกะออกมาแล้วสูบได้ทันที เมื่อหมดอายุการใช้งานก็สามารถทิ้งได้ทันที

  1. พอตมอด (Pod Mod) ลูกผสมระหว่างพอตไฟฟ้า และกล่องปรับวัตต์ ขนาดเล็ก น้ำหนักเบาสไตล์พอต แต่จ่ายไฟได้แรง สามารถสูบได้ทั้งแบบ DL (Direct Lung) และ MTL (Mouth To Lung) โดยส่วนมากจะใช้งานกับหัวพอตที่รองรับคอยล์แบบสำเร็จจากโรงงาน

ส่วนประกอบของบุหรี่ไฟฟ้า

  1. แบตเตอรี่ ซึ่งมีทั้งแบบซื้อแยกและติดตั้งมากับตัวเครื่อง เป็นแหล่งพลังงานหลักที่จ่ายไฟให้กับระบบต่างๆในตัวเครื่อง โดยแบตเตอรี่นั้นจะแตกต่างกันไปทั้งขนาด และความจุ
  2. อะตอมบุหรี่ไฟฟ้า (Atomizer) แบตเตอรี่จะจ่ายไฟผ่านคอยล์ในอะตอมให้เกิดความร้อนเพื่อไประเหยน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งอะตอมก็มีให้เลือกใช้งานหลายรูปแบบ รวมถึงคอยล์ภายในที่แตกต่างกันออกไปด้วย
  3. น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ถ้าเปรียบเทียบกับบุหรี่มวน น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าคงเป็นใบยาสูบ ตัวการที่กักเก็บนิโคติน กลิ่น และรสชาติต่างๆเอาไว้ มีให้เลือกใช้งานมากมาย โดยส่วนประกอบหลีกๆของน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ามีดังนี้

กลีเซอรีน

3.1 โพรไพลีนไกลคอล Propylene Glycol (PG) เป็นตัวที่ทำให้เกิดไอระเหย และใช้เป็นตัวทำละลายกลิ่น หรือนิโคตินที่ผสมในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า โดย PG อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้สำหรับบางคน

3.2 กลีเซอรีน โดยส่วนมากจะใช้เป็น Vegetable Glycerine (VG) เป็นตัวที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ลดอาการระคายเคืองจาก PG ลงได้ส่วนหนึ่ง ใช้เป็นส่วนผสมในเวชสำอางค์เช่น ครีมทาผิว หรือยาสีฟันเป็นต้น

3.3 นิโคติน Nicotine สารสกัดที่ได้จากใบยาสูบ เป็นสารที่ทำให้รู้สึกสดชื่น และผ่อนคลาย มีฤทธิ์ในการเสพติด โดยนิโคตินจะผสมเข้ากับน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าตามปริมาณที่ผู้ผลิตกำหนด

บุหรี่ไฟฟ้าก็เหมือนกับทุกสิ่งบนโลกใบนี้ ไม่มีอะไรปลอดภัย 100% หากคุณศึกษาข้อมูลให้เข้าใจจะพบว่า เมื่อเทียบกับบุหรี่มวนแล้ว บุหรี่ไฟฟ้าจะอันตรายน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่มีนักสูบบางคนที่ใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าในทางที่ผิด หรือไม่ศึกษาก่อน ซึ่งทำให้เกิดอันตรายได้นั้งเอง โดยส่วนประกอบที่อาจมีผลต่อสุขภาพจะมีอยู่ 2 อย่างคือ

นิโคติน ซึ่งเป็นสารเสพติด ออกฤทธิ์ที่ระบบประสาท ถ้าได้รับนิโคตินมากเกินไปภายในระยะเวลาสั้นๆ อาจทำให้เกิดอาการหน้ามืด เวียนหัว อาเจียน หรืออาจถึงขั้นหัวใจวายได้ เพราะนิโคตินจะไปเร่งการทำงานของหัวใจให้เต้นเร็วขึ้นนั้นเอง หากสูบบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว มีอาการดังกล่าว ให้ออกไปอยู่ในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ดื่มน้ำเยอะๆ แต่ถ้าไม่ดีขึ้น แนะนำให้ไปหาหมอจะดีที่สุด

โพรไพลีนไกลคอล (PG) เป็นส่วนผสมในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองหรือแพ้ได้ แต่อาการดังกล่าวจะหายเองโดยธรรมชาติ แต่สำหรับผู้ป่วยโรคปอดจะไม่แนะนำให้ใช่งานอยู่แล้ว

สิ่งเสพติดเกิดจากสารบางชนิดที่ทำให้เกิดอาการเสพติด ในกรณีของบุหรี่ไฟฟ้าจะมีสารนิโคตินในน้ำยา ซึ่งเป็นสารเสพติด แต่ก็มีน้ำยาบางชนิดที่ไม่มีนิโคติน ก็ไม่ถือเป็นสิ่งเสพติด ขึ้นอยู่กับว่าคุณสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพื่ออะไร แต่สิ่งที่แน่นอนคือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่ดีกว่าบุหรี่มวนแน่นอน

แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะบุหรี่ไฟฟ้าใช้การระเหยไอน้ำ แต่บุหรี่มวนใช้การเผาไหม้ ซึ่งเป็นสาเหตุในการเกิดโรคต่างๆ บุหรี่ไฟฟ้ามีกลิ่นที่หอม รสชาติหวาน บุหรี่มวนจะมีกลิ่นเหม็นไหม้ และเสียบุคลิค ที่สำคัญคือบุหรี่ไฟฟ้าสามารถช่วยเลิกบุหรี่มวนได้ และอาจนำไปสู่การเลิกบุหรี่แบบถาวรได้เลย ถ้ามีใครสักคนบอกคุณว่าบุหรี่ไฟฟ้ากับบุหรี่มวนเหมือนกัน อย่าไปเชื่อเด็ดขาด

ปัจจัยหลักๆในการเลิกบุหรี่มาจากความตั้งใจของผู้สูบ และกำลังใจจากคนรอบข้าง มีอดีตนักสูบไม่น้อยที่เลิกบุหรี่มวนได้โดยไม่ต้องพึ่งพาตัวช่วยใด แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ล้มเหลว บุหรี่ไฟฟ้าจึงถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว และนักสูบส่วนมากที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าก็สามารถเลิกบุหรี่มวนได้จริง เพราะเมื่อสูบบุหรี่ไฟฟ้าจนชินแล้ว เมื่อกลับไปสูบบุหรี่มวนจะเกิดอาการเหม็นนั้นเอง และก็มีนักสูบมากมายที่เลิกบุหรี่แบบถาวร ไม่ได้สูบอะไรอีกเลย

ถ้าตอบตรงๆก็ต้องบอกว่าผิด ผู้ใดครอบครองหรือจัดจำหน่าย นำเข้า ส่งออก ถือว่ามีความผิด ต้องถูกดำเนินคดี ที่นี้ต้องมาดูว่าทำไมถึงผิดกฎหมายทั้งที่งานวิจัยจากต่างประเทศบอกว่าปลอดภัยกว่าบุหรี่มวน ก็ต้องบอกกันตามตรงอีกว่าเนื่องจากมีกลุ่มทุนที่เสียผลประโยชน์ตรงนี้ ซึ่งกลุ่มทุนดังกล่าวสามารถกำหนกทิศทางนโยบายรัฐบางส่วนได้ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตนเอง นั้นจึงเป็ยสาเหตุที่บุหรี่ไฟฟ้ายังคงผิดกฎหมายอยู่ในไทย

ส่งผลแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นควันจากบุหรี่มวนหรือบุหรี่ไฟฟ้าก็ตาม ถึงแม้ควันจากบุหรี่ไฟฟ้าจะอันตรายน้อยกว่าควันจากบุรี่มวน เพราะสิ่งที่ดีที่สุดคือการไม่ต้องสูบอะไรเลย ดังนั้นถ้าต้องการสูบบุหรี่ไฟฟ้าก็ควรสูบในบริเวณที่ไม่มีผู้คน จะได้ไม่ไปรบกวนผู้อื่น และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสังคมผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าได้ด้วย

อยากให้ทำความเข้าใจก่อนว่า เราไม่ควรสูบไม่ว่าจะบุหรี่มวน หรือบุหรี่ไฟฟ้าในที่สาธารณะทั้งสิ้น แม้สถานที่นั้นจะไม่มีป้ายติดก็ตาม เพราะถือเป็นมารยาททางสังคม คุณอาจสูบบุหรี่ไฟฟ้าในบริเวณที่ห้ามสูบบุหรี่มวนได้ โดยเลี่ยงบาลีว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่บุหรี่ยาสูบ แต่คุณอย่าลืมว่าหากควันบุหรี่ไฟฟ้าไปรบกวนผู้อื่น เขาสามารถแจ้งความจับข้อหารบกวนได้ สิ่งที่จะบอกคือ เราต้องสูบอย่างรับผิดชอบ อย่าให้ไปเดือดร้อนใคร

ไม่ว่าจะควันบุหรี่ไฟฟ้า ควันจากบุหรี่มวน ควันรถ หรือควันเตาปิ้งหมูกระทะ ก็มีผลต่อสัตว์ทั้งนั้น โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงที่มีอายุขัยต่ำกว่ามนุษย์ เช่น สุนัขหรือแมว การสูดควันต่างๆเข้าไปอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายของสัตว์เลี้ยงได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะช้าหรือเร็ว ยิ่งสุนัข หรือแมวที่มีสัมผัสเรื่องกลิ่นดีกว่ามนุษญ์ ก็ไม่สมควรที่จะให้สูดดมควัน หากต้องการสูบ ให้สูบในที่ที่อยู่ห่างจากผู้คน และสัตว์เลี้ยงจะดีที่สุด

ทั้งจริง และไม่จริง ต้องถามว่าคุณสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพื่ออะไรก่อน หากคุณต้องการเลิกบุหรี่มวน และหันมาใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าทดแทน ก็อาจจะประหยัดกว่าได้ ขึ้นอยู่กับว่าอุปกรณ์ที่คุณใช้เป็นแบบไหน ถ้าคุณสูบพอตไฟฟ้า คอยล์สำเร็จ ใช้งานง่ายๆ กับน้ำยามาเลย์ก็ต้องบอกเลยว่าประหยัดกว่าแน่นอน แต่ถ้าคุณใช้อุปกรณ์ระดับพรีเมี่ยม กับน้ำยาอเมริกาแบบนั่นจะแพงกว่าบุหรี่มวน

เรื่องนี้จริงแน่นอน เพราะส่วนประกอบของบุหรี่ไฟฟ้าจะมีแบตเตอรี่อยู่ ซึ่งแบตเตอรี่หากใช้งานไม่ถูกวิธีก็อาจเกิดการเสื่อมสภาพ บวม หรืออาจระเบิดได้ ในช่วงแรกๆที่บุหรี่ไฟฟ้ายังไม่แพร่หลายมากนัก มักจะมีนักสูบบางกลุ่มที่ความรู็ไม่พอไปใช้งานมอดยิงสดแล้วเกิดไฟลัดวงจรจนเกิดการระเบิด ทำให้ภาพลักษณ์ของบุหรี่ไฟฟ้าดูแย่ลงมากๆ แต่ในปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้ามักจะมาพร้อมกับแผงวงจรที่ช่วยรักษาความปลอดภัย ถ้าเกิดความผิดปกติจะตัดการจ่ายไฟทันที จึงหมดห่วงเรื่องนี้ได้เลย แต่แนะนำว่าก่อนใช้งานควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน และหมั่นตรวจสอบสภาพของอุปกรณ์ที่ใช้งานบ่อยๆ

นิโคตินเป็นสารเสพติดประเภทหนึ่งที่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาท และสมอง ช่วยกระตุ้นการทำงานของหัวใจ และทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี ส่งผลให้ผู้ที่เสพนิโคตินจะรู้สึกสดชื่น ร่าเริง ผ่อนคลาย แต่หากได้รับมากเกินไปก็อาจเกิดโทษได้เช่นกัน ดังนั้นควรเลือกใช้งานน้ำยาที่เหมาะสำหรับตัวเอง และอุปกรณ์ที่ใช้งาน หากเป็นผู้เริ่มต้นแนะนำให้ใช้งานที่ระดับนิโคตินอ่อนๆก่อนจะดีที่สุด

  1. ผู้ที่เสียผลประโยชน์หากบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย อย่างที่ทราบว่ามีกลุ่มทุน หรือแม้กระทั่งคนใหญ่คนโตของบ้านเมืองเราที่ได้รับประโยชน์มากมายอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งหากบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย คนกลุ่มนี้จะเสียผลประโยชน์ที่ตนเคยได้รับซึ่งมันมหาศาลมากๆ จึงใช้อำนวจทุกวิธีทางในการต่อต้านไม่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย
  2. ผู้ที่ได้รับข่าวสารมาแบบผิดๆ จากเอกสารงานวิจัยของต่างๆประเภทหลายๆแห่งระบุว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าการใช้บุหรี่มวน แต่การที่ไม่สูบอะไรเลยจะเป็นผลดีที่สุด ซึ่งก็มีคนบางกลุ่มที่บิดเบือนข้อเท็จให้บุหรี่ไฟฟ้ามีความอันตรายเทียบเท่าบุหรี่มวน หรือยาเสพติดให้โทษชนิดอื่นๆ โดยส่วนมากข่าวปลอมพวกนนี้ก็มาจากคนกลุ่มแรกเพื่อสร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชนนั้นเอง
  3. ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากผู้ใช้งานบุหรี่ไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้าจะมีควันที่หนา และเยอะกว่าบุหรี่มวน ในบางครั้งอาจไปรบกวนผู้อื่นได้ ทำให้คนเหล่านั้นตั้งแง่ต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้า เพราะรู้สึกไม่พอใจคนสูบ ทางแก้คือเราต้องสูบอย่างรับผิดชอบ ไม่สูบในที่ที่มีคนอยู่รอบข้าง จะได้ไม่มีปัญหา

อย่างแรก คุณต้องอายุเกิน 18ปีก่อน เพราะร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าส่วนมากจะจำกัดตรงนี้ เพราะเป็นเรื่องพื้นฐานที่ต้องอยู่แล้ว อย่างต่อมาคือต้องเริ่มจากการศึกษาข้อมูลให้เข้าใจก่อนว่าบุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร มีไว้ทำไม เมื่อเข้าใจแล้วให้เลือกซื้อบุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้งานง่ายมาก่อน เช่น พอตระบบปิด พอตใช้แล้วทิ้งเป็นต้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเลือกซื้อกับร้านที่เชื่อถือได้อย่าง C9Shop

มันก็ได้แหละ แต่จุดประสงค์ในการคิดค้นบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาคือให้ผู้ที่สูบบุหรี่มวนหันมาใช้เป็นทางเลือกทดแทนที่อันตรายน้อยกว่า หากคุณสูบบุหรี่ไฟฟ้าควบคู่กับการใช้งานบุหรี่มวน ก็มีผลไม่ต่างจากการใช้บุหรี่มวนเป็นปกติ จึงแนะนำว่าควรใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเดียวจะดีที่สุด

ตอบตรงๆว่ากินได้ แต่ไม่ควร เวลาเราสูบยังไงน้ำยาก็ต้องเข้าปากอยู่แล้ว แต่ถ้าหากนำมากินแบบตั้งใจกินก็ไม่ควร เพราะในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ามีนิโคตินอยู่ ซึ่งนิโคตินสามารถดูดซึมผ่านผิวหนัง และระบบทางเดินอาหารได้ หากได้รับนิโคตินมากเกินไปอาจจะเกิดอันตรายได้ ดังนั้นใช้สูบอย่างเดียวพอ อย่าเอามากินเลย

เป็นคำถามที่ตอบยากมากๆ เพราะร่างกายแต่ละคนก็สามารถรับนิโคตินได้ไม่เท่ากัน เหมือนการกินเหล้า บางคนกินแก้วเดียวเมา บางคนยันเช้าก็ยังชิล บุหรี่ไฟฟ้าก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นคอยสังเกตตัวเองจะดีที่สุดว่าปกติเราสูบได้ประมาณไหน อย่าโหมสูบเยอะเกินไป เอาแค่พออิ่ม เมื่อเริ่มคุ้นชินแล้วจะจับจุดได้ว่าเราควรสูบประมาณไหนต่อวัน

บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งเสพติด หรือไม่

คำตอบน้ำยาบุหรี่แบบไฟฟ้าบางรุ่น จะไม่มีนิโคติน ซึ่งแปลว่าบุหรี่ไฟฟ้าประเภทนั้น ไม่มีสารเสพติด แต่บุหรี่ไฟฟ้าที่มีนิโคติน ซึ่งนิโคตินจัดเป็นสารเสพติด บุหรี่ไฟฟ้าที่มีนิโคติน ก็จัดเป็นสิ่งเสพติดได้เหมือนกับบุหรี่แบบยาสูบ แต่มีความอันตรายน้อยกว่าการใช้บุหรี่แบบยาสูบ โดยรวมแล้วบุหรี่ไฟฟ้า เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการเลิกบุหรี่แบบยาสูบ

บุหรี่ไฟฟ้านอกจากนิโคตินแล้ว จะมีสารแต่งกลิ่นแต่งสีผสมเพียงเล็กน้อย แต่จะไม่มีสารพิษใดๆ ที่เป็นอันตราย เมื่อเทียบกับบุหรี่แบบยาสูบ ที่มีส่วนผสมของดินประสิว และกำมะถัน ซึ่งส่งผลอันตรายต่อสุขภาพ และในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าบางตัว ก็ไม่มีนิโคตินผสมด้วย เหมาะกับคนที่ไม่มีความต้องการนิโคติน

บุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายต่อสุขภาพ หากเป็นบุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้กับน้ำยาที่มีส่วนผสมของนิโคติน ส่วนบุหรี่ไฟฟ้าทางเลือกที่ไม่มีส่วนผสมของนิโคติน มีอันตรายที่น้อยกว่า เมื่อนำบุหรี่ไฟฟ้าไปเปรียบเทียบกับบุหรี่แบบยาสูบ จะพบว่า ความอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า น้อยกว่าบุหรี่แบบยาสูบ

บุหรี่ไฟฟ้ามีความแตกต่างจากบุหรี่แบบยาสูบค่อนข้างมาก ในด้านของการเผาไหม้แล้ว บุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่แบบยาสูบอย่างชัดเจน บุหรี่แบบยาสูบใช้การเผาไหม้ของดินประสิว และกำมะถัน ซึ่งส่งผลเสียต่อร่างกายมนุษย์โดยตรง จึงทำให้นักวิทยาศาสตร์คิดค้นบุหรี่ไฟฟ้า ที่ช่วยลดการใช้งานของดินประสิว และกำมะถัน

น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่มีนิโคตินมีอยู่จริง คอนเซปท์ของการทำบุหรี่ไฟฟ้าในยุคแรก คือการลดจำนวนนิโคตินในบุหรี่แบบยาสูบลง จึงได้ทำการผลิตบุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้น้ำยาแบบฟรีเบส ซึ่งเป็นน้ำยาที่ไม่มีส่วนผสมของนิโคติน เพื่อตอบโจทย์คนที่ต้องการเลิกใช้นิโคติน

ขึ้นอยู่กับตัวผู้สูบโดยปกติแล้ว บุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่มีนิโคติน คือการลดปริมาณการใช้สารเสพติด เพื่อทำให้ผู้สูบบุหรี่เลิกพึ่งพาปริมาณสารเสพติดนิโคตีน แต่ในภายหลังบุหรี่ไฟฟ้ามีการเพิ่มนิโคตินเข้าไปในน้ำยา ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดบุหรี่ไฟฟ้าแทนได้

มีอันตรายไม่แตกต่างจากผู้สูบ และในหลายงานวิจัยชี้ให้เห็นว่า ผู้คนที่ได้รับควันจากบุหรี่ ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ไฟฟ้า หรือบุหรี่แบบยาสูบ ก็ล้วนแล้วแต่ได้รับผลกระทบจากควันบุหรี่นั้นไม่ต่างกัน ทางที่ดี และขอแนะนำคือหากผู้สูบบุหรี่เลือกสถานที่ในการสูบได้ ควรเลือกสูบในบริเวณที่ไม่สร้างสภาวะรบกวนกับผู้ที่ไม่สูบบุหรี่

ได้ ในสภาวะที่ผู้สูบบุหรี่ต้องการเลิกสูบบุหรี่แบบยาสูบจริงๆ น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเเบ่งออกเป็นสองเเบบ คือแบบที่มีนิโคติน และแบบที่ไม่มีนิโคติน คุณสามารถเลือกใช้บุหรี่ไฟฟ้าในรูปแบบที่คุณต้องการ เพื่อลดการใช้บุหรี่แบบยาสูบลง

หากให้พูดแบบไม่เกรงใจ จะขอตอบว่า ผลประโยชน์ทับซ้อน แต่ถ้าพูดในเชิงวิชาการต้องใช้เหตุผลว่า ยังมีงานวิจัยที่ขัดแย้งกันไปกันมา บางงานวิจัยชี้ให้เห็นว่าบุหรี่ไฟฟ้า ช่วยลดปริมาณการสูบบุหรี่แบบยาสูบได้จริง แต่ในทางกลับกัน ก็ยังมีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่าบุหรี่ไฟฟ้า มีความอันตรายกว่าบุหรี่แบบยาสูบ จึงทำให้ในหลายประเทศยังต้องการเวลาในการพิสูจน์ ทฤษฎีดังกล่าว ต้องการตรวจสอบ และไม่ต้องการให้เกิดปัญหาตามมาในอนาคต จึงยังไม่อนุญาตให้ขายบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างเสรี

บุหรี่ไฟฟ้าเปรียบเหมือนเหรียญสองด้าน มีประชากรมากมายที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่แบบยาสูบ และสามารถทำสำเร็จ โดยในระยะแรกเลือกใช้บุหรี่ไฟฟ้า แล้วค่อยๆ ลดปริมาณการสูบลง และในที่สุดเขาสามารถเลิกสูบบุหรี่แบบยาสูบได้จริงๆ และไม่สูบบุหรี่ไฟฟ้าต่อ แต่ในทางกลับกันแล้ว บุหรี่ไฟฟ้าได้รับความนิยมมากขึ้น บริษัทผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้ามากมายผลักดันให้บุหรี่ไฟฟ้ากลายเป็นสินค้าแฟชั่น สินค้าของกลุ่มคนชั้นนำ จนในที่สุดแล้ว ทุกคนกลับมองว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าทางเลือกที่ขาดไม่ได้ ซึ่งขัดกับวัตถุประสงค์ในการผลิตบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาตั้งแต่ต้น

ในช่วงแรกหลายๆ ประเทศชั้นนำอนุญาตให้สูบบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างอิสระ แต่หลังจากมีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่าบุหรี่ไฟฟ้า มีความอันตรายสิทธิในการใช้งานบุหรี่ไฟฟ้า จึงถูกตัดทอนลงในหลายประเทศ ไม่อนุญาตให้จัดจำหน่าย และใช้งาน เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้ามีสารนิโคติน ซึ่งเป็นสารเสพติด ที่ถูกควบคุมให้ผลิตได้เฉพาะบุหรี่แบบยาสูบเท่านั้น แต่ในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นในประเทศเนเธอร์แลนด์ อนุญาตให้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างเสรี

ในปีพ.ศ. 2565 บุหรี่ไฟฟ้ายังถูกจัดเป็นสินค้าผิดกฎหมายผู้ใดครอบครอง หรือจัดจำหน่ายจัดว่ามีความผิดจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย หากกล่าวในลักษณะนี้ คงไม่มีใครกล้าตั้งคำถาม เพราะบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายอย่างชัดเจน แต่ถ้าถามว่าทำไมถึงผิดกฎหมาย หลายคนคงทราบถึงการเรียกร้องของกลุ่มทุนอำนาจเดิมก่อนหน้านี้ เช่น การออกมาโจมตีถึงความอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า เมื่อเทียบกับบุหรี่แบบยาสูบ ข้อมูลดังกล่าวถูกสอดแทรกเข้าไปในสื่อให้กับประชาชนรับทราบ อ้างเรื่องคุณงามความดี การจ่ายเงินภาษีช่วยเหลือเงินสนับสนุนภาครัฐ ล้วนแล้วมาจากกลุ่มทุนผู้มีอำนาจ ที่ไม่ต้องการจะเสียผลประโยชน์ จากการผลิตบุหรี่แบบยาสูบ

การสูบบุหรี่ไฟฟ้าโดยที่ไม่ไปรบกวนผู้อื่น ยังถือว่าไม่มีความผิด เรียกง่ายๆ ว่ายังไม่มีผู้ร้องทุกข์ ถ้าหากคุณสูบบุหรี่ไฟฟ้าในที่สาธารณะ แล้วมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ คุณมีความผิดเต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ไฟฟ้า หรือบุหรี่แบบยาสูบ ก็มีความผิดเช่นเดียวกัน

ถ้าคุณมองว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่บุหรี่ยาสูบ คุณสามารถสูบได้ทุกที่ หรือทุกเวลา โดยที่คุณจะอ้างตามกฎหมายแล้วบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ใช่บุหรี่แบบยาสูบ แต่หากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของคุณสร้างความรบกวนสร้างความรำคาญให้กับผู้อื่น จนมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ คุณจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่ได้รับการยกเว้น ว่านี่คือบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ใช่บุหรี่แบบยาสูบ

โดยปกติแล้ว โรงเรียนมีมาตรการณ์ควบคุมนักเรียนที่ค่อนข้างเข้มข้นมากกว่าพื้นที่อื่นๆ ตามที่จะอนุญาตให้นักเรียนสูบบุหรี่ไฟฟ้าได้ในโรงเรียน จึงเป็นไปไม่ได้เลยในสังคมไทย หากคุณคิดว่าบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ใช่บุหรี่แบบยาสูบ คุณครูจะมาเอาผิดไม่ได้ คุณไม่ได้สูบบุหรี่แบบยาสูบ กฎของโรงเรียนไม่ได้บอกว่าห้ามสูบบุหรี่ไฟฟ้า ถ้าคุณคิดว่าคุณเก่งจริง ก็ลองทำแต่แนะนำได้เลย ว่าไม่คุ้มแน่นอน อาจถึงขั้นเชิญผู้ปกครอง หรือสูงสุดคือโดนไล่ออก ไว้รอให้โตกว่านี้แล้วค่อยสูบตอนมหาลัย หรือสูบนอกเวลาเรียนก็ได้ อย่าใจกล้าจนเกินเหตุ

หากคุณต้องการให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมายในประเทศไทย คุณอาจต้องรอให้ประเทศใหญ่ๆ ทั่วโลกให้การยอมรับเสียก่อน การยอมรับในที่นี้ ไม่ใช่แบบภาพลักษณ์ หรือสินค้าแฟชั่น แต่ต้องยอมรับในลักษณะของกฎหมาย ซึ่งในปัจจุบันหลายประเทศยังคงไม่อนุญาตให้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าอย่างเสรี มีการจำกัดการใช้งานอยู่ในบางประเทศเท่านั้น แม้ว่าวัยรุ่นทั่วไปจะรู้จักบุหรี่ไฟฟ้า และใช้งานกันอย่างแพร่หลาย แต่สำหรับงานวิจัยที่ค่อนข้างแย้งกันไปแย้งกันมา ยังคงต้องให้เวลากับบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของกฎหมายทั่วโลกเสียก่อน และในวันนั้นเอง ประเทศไทยก็มีโอกาสจะอนุญาตให้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า ได้อย่างถูกกฎหมาย