---

คอยล์บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร

หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่าคอยล์บุหรี่ไฟฟ้า แต่แล้วมันคืออะไรกันแน่ ก่อนอื่นต้องขออธิบายก่อน คำว่า Coil รากศัพท์จริงๆหมายถึงหมุนวน หรือหมุนเวียน ตั้งตามลักษณะแรกเริ่มซึ่งมักจะนำลวดมาม้วนเป็นขดสปริง ช่วงแรกๆจะใช้สำหรับเป็นอุปกรณ์นำไฟฟ้า เพราะวัสดุที่นำมาใช้จะมีคุณสมบัติไหลผ่านไฟฟ้าได้ดี เช่น แร่เงิน หรือทองแดงเป็นต้น ต่อมาก็วิวัฒนาการไปเรื่อยๆจนมาถึงวงการบุหรี่ไฟฟ้าในที่สุด

ในส่วนของบุหรี่ไฟฟ้า จะเป็นขดลวดสำหรับแปลงพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ให้เป็นความร้อน เพื่อระเหยน้ำยาบนสำลีต่อไป ซึ่งความร้อนก็มีหลายระดับตามแต่การจ่ายไฟ และค่าโอห์มของลวดชนิดนั้นๆ เป็นหนึ่งในส่วนประกอบสำคัญในการสูบ โดยเฉพาะกับผู้ที่ใช้พอตไฟฟ้า และอะตอมคอยล์สำเร็จ เรียกว่าถ้าไม่มีก็จบเลย เพราะไม่เพียงแค่สูบไม่ได้ แต่ระบบไฟก็ไม่สมบูรณ์ด้วย กดจ่ายไฟไปเครื่องก็ไม่ทำงาน

เราไม่ต้องไปโฟกัสกับเรื่องตั้งค่าโอห์ม หรือเลือกแบบลวดมาใช้งาน ให้เป็นหน้าที่ของทางผู้ผลิตก็พอ ใส่ใจแค่เรื่องของการจ่ายไฟก็พอ ควรตั้งค่าให้เหมาะสม ดูว่ารองรับไฟได้เท่าไร หากเบาเกินไป ก็สร้างความร้อนได้ไม่เต็มที่ อรรถรสก็หายไป แต่หากแรงเกินก็จะร้อนมากจนอาจทำให้สำลีไหม้ และเสียหายในที่สุด แต่ก็มีพอตหลายรุ่นสามารถปรับไฟให้อัตโนมัติ ซึ่งสะดวกมากกว่าเดิม

ระบบการทำงาน

หลักการทำงานคือเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้า ซึ่งรับมาจากแบตเตอรี่ผ่านขั้วเชื่อมต่อ ให้กลายเป็นความร้อน ต่อมาความร้อนตรงนี้ จะไประเหยน้ำยาบนสำลี ให้กลายเป็นไอน้ำ และสูบต่อไป โดยกระบวนการนี้จะไม่เกิดการเผาไหม้ จึงลดปัจจัยเสี่ยงต่อโรคต่างๆลงได้ และเมื่อไม่ได้สูบ สำลีจะดูดซับน้ำยาในหัวพอตเข้ามาแทนในส่วนที่ระเหยไป ระบบทั้งหมดจะวนซ้ำแบบนี้ ไม่ได้วุ่นวายอะไร และเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น

รูปแบบของคอยล์สำเร็จ

ในปัจจุบันจะมีด้วยกัน 2 แบบใหญ่ๆ คือขดสปริง และตาข่าย โดยแต่ละตัวก็มีรูปแบบ และใช้วัสดุต่างกัน ยิ่งในส่วนของตาข่ายคือมีหลายแบบมากๆ ขึ้นอยู่กับการออกแบบของทางผู้ผลิตเลย เพราะต้องการค้นหารูปแบบที่ตอบโจทย์ที่สุด

1. ขดสปริง Regular Coil

แบบขดสปริง เป็นลวดที่นำมาพันเป็นขดคล้ายกับรูปทรงของสปริง เป็นการพันแบบคลาสสิค ใช้กันมานาน และยังคงใช้อยู่ในปัจจุบัน จุดเด่นของรูปแบบนี้คือให้ความร้อนเสถียร ดูแลรักษาง่าย ให้ฟิลสูบกระแทกนิดๆ ดุดันหน่อยๆ สำหรับผู้เคยใช้งานอะตอมมาก่อน แล้วยังคงชอบรูปแบบนั่นอยู่จะตอบโจทย์มากๆเลยทีเดียว

2. ตาข่าย Mesh Coil

แบบตาข่าย (Mesh Coil) เป็นลวดที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะกับแบบสำเร็จรูป ซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องของฟิลสูบ การใช้รูปแบบตาข่าย จะทำให้สามารถรีดกลิ่น และรสชาติของน้ำยาได้ดีขึ้น เพราะพื้นที่สัมผัสกับสำลีมีมากกว่า ละอองไอน้ำ จึงมีความละเอียดกว่า ฟิลสูบจะนุ่มมากๆ ข้อเสียคือจะเปลืองน้ำยามากกว่าแบบขดสปริง

ผลิตจากลวดแบบไหนบ้าง

ก่อนจะมาเป็นคอยล์ ต้องเริ่มจากลวดที่ถูกนำมาใช้ ซึ่งมีวัสดุหลายแบบ แต่ละแบบก็มีข้อดี และข้อจำกัดที่ต่างกันออกไป โดยจะมีวัสดุแบบไหนบ้างเรามาดูกันเลย

1. Kanthal A1

Kanthal A1 หรือหลายๆคนอาจเรียกว่า KA1 เป็นวัสดุยอดนิยมอย่างมาก เพราะมีน้ำหนักเบา รองรับไฟได้ดีมาก และมีความคงตัวสูง ราคาถูกสุด และค่าโอห์มมีความเสถียร แต่ข้อเสียคือ อายุการใช้งานจะน้อยกว่า โดยอยู่ที่ 5 - 7 วันเท่านั้น เพราะมีส่วนผสมเป็นโลหะค่อนข้างเยอะ จึงมีโอกาสในการเกิดสนิมง่ายกว่าลวดแบบอื่นๆ

2. Nichrome

Nichrome หรือ Ni เป็นที่นิยมไม่แพ้ KA1 แต่ข้อดีคือไม่เป็นสนิม เพราะส่วนประกอบหลักๆจะเป็นนิกเกิล มีโลหะผสมอยู่น้อยมากๆ ความคงตัวสูงพอๆกับ KA1 และรองรับไฟได้สูง แต่เรื่องค่าโอห์มอาจมีแกว่งบ้าง หากรับความร้อนมากเกินไป มีอายุการใช้งานยาวนาน โดยประมาณ 7 - 10 วัน

3. Titanium

Titanium หรือ Ti เป็นวัสดุที่แข็งแรง และทนทานมากๆ ใช้งานได้นานสุดๆ แต่ก็มีราคาสูงตามไปด้วยเช่นกัน ขั้นตอนผลิตซับซ้อน ผู้ผลิตหลายๆเจ้าจึงไม่นิยมทำขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับสินค้าที่ขายในไทย แทบไม่มีไทเทเนียมเลย และต้องใช้กับเครื่องที่มีโหมด TC / Ti เท่านั้น ความคงตัวต่ำ แต่รสชาติหวานฉ่ำมากๆ นำความร้อนได้ดี

4. Stainless

Stainless หรือ SS ลวดสแตนเลส ในวงการบุหรี่ไฟฟ้ามีหลากหลายมากๆ ทั้ง SS316 , SS904 , SS403 หรืออื่นๆอีกมากมาย แต่ข้อจำกัดมีเยอะมากๆ ทั้งเรื่องของโหมดใช้งานต้องรองรับ เพราะแต่ละตัว ก็ทนอุณหภูมิต่างกัน ความคงตัวยังต่ำ และผลิตยาก จึงไม่นิยมเท่าไร แต่ข้อดีคืออายุการใช้งานยาวนานมากๆ กลิ่นชัดเจน และรสชาติหวานแบบสุดๆ

คอยล์สำเร็จ และแบบพันลวด แตกต่างกันยังไง

ในปัจจุบันคอยล์สำเร็จจะเป็นที่นิยมมากกว่าแบบเก่า ซึ่งต้องพันลวด ใส่สำลีเอง ดังนั้นความแตกต่างจึงเกิดขึ้น อย่างแรกเลยคือเรื่องของความสะดวก โดยจะตั้งค่าต่างๆมาจากโรงงานเรียบร้อยแล้ว มีความเที่ยงตรง เสถียร ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าโอห์ม ตรงตามที่ระบุไว้ทุกตัว แต่แบบพันเองต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์เพื่อให้ได้ค่าโอห์ม และฟิลสูบที่ต้องการ

อันที่จริงตั้งแต่สมัยที่พอตยังไม่ได้รับนิยมเท่าไร เนื่องจากช่วงนั้นนักสูบชอบใช้งานอะตอมมากกว่า เพราะค่านิยมในการโม จนมีนักสูบบางกลุ่มเอาลวดที่ตัวเองประดิษฐ์มาอวดกัน บางครั้งถึงขั้นจัดประกวดกันเลย แต่คอยล์สำเร็จก็ยังคงมีนักสูบใช้งานอยู่เป็นประจำ ที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นคงหนีไม่พ้นซีรี่ส์ TFV จากแบรนด์ Smok ใช้งานคู่กับอะตอมรุ่น TFV ต่างๆ รวมไปถึงบุหรี่ไฟฟ้าระดับตำนานอย่าง Eleaf I Just ก็ใช้เช่นกัน

ข้อดีของ คอยล์บุหรี่ไฟฟ้า

เรามาดูกันบ้างว่าเจ้าสิ่งเล็กๆตัวนี้ มีข้อดีอย่างไร เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับตัดสินใจสำหรับนักสูบที่ลังเลว่าจะใช้แบบไหนดี

• ใช้งานง่ายกว่ามากๆ จุดเด่นที่กินขาดแบบสุดๆ คือเรื่องของความง่าย ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญ หรือมีประสบการณ์มากนัก ก็สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่
• ประหยัดเวลา พอไม่ต้องพันลวดบุหรี่ไฟฟ้า ใส่สำลีเอง มีเวลาเพิ่มขึ้น ซึ่งถ้าพันเอง ต้องใช้เวลาหลายนาที
• ประหยัดค่าใช้จ่าย 1 ตัวราคาไม่เกินร้อยกว่าบาท ใช้งานได้อย่างน้อย 7 - 10 วัน ประหยัดกว่าไปซื้อบุหรี่มวนมาสูบอีก
• ค่าความต้านทาน หรือค่าโอห์มแม่นยำ ในหลายๆครั้งเราพันลวด วัดค่าโอห์มเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อสูบจริง ค่าโอห์มแกว่ง หรือผิดเพี้ยนไปจากเดิม ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัย ถ้าไม่เสื่อมสภาพ หรือตัวเครื่องรวน ค่าโอห์มจะแม่นยำเสมอ
• มีความปลอดภัย ก่อนจะถูกจำหน่าย จะต้องผ่านการทดสอบหลายขั้นตอน จนมั่นใจว่าสินค้าที่จะวางขายได้มาตรฐาน ค่าโอห์มอยู่ในช่วงที่ตัวเครื่องรุ่นนั้นๆ รองรับ ทำให้มีความปลอดภัยมากกว่า
• หาซื้อได้ง่ายเพราะถือเป็นอุปกรณ์จำเป็นมากๆ แต่หากต้องการสินค้าดีมีคุณภาพ และเป็นของแท้ 100 % ยังไงก็ต้อง C9Shop เท่านั้น
• มาตรฐานเท่ากันทุกตัว ผลิตมาเหมือนกัน ด้วยวัสดุเดียวกัน ถ้าเป็นรุ่นเดียวกัน ก็มีความเหมือนกัน ตามมาตรฐานของทางผู้ผลิตได้ตั้งไว้อย่างแน่นอน

การจ่ายไฟที่เหมาะสมดูยังไง

หลายคนคงได้ยินคำว่า ต้องจ่ายไฟให้เหมาะกับค่าโอห์ม หรือความต้านทาน แล้วคำว่าเหมาะสมคืออะไร บางคนใช้เครื่องมีโหมดปรับอัตโนมัติก็ง่ายหน่อย แต่ถ้าไม่มีละจะดูยังไง อย่างแรกเลยคือดูตัวคอยล์ จะมีตัวหนังสือเล็กๆกำกับอยู่ว่าเป็นลวดชนิดไหน ความต้านทานเท่าไร และช่วงการจ่ายไฟกี่วัตต์ หรืออาจดูจากกล่องบรรจุภัณฑ์ แต่หากไม่มีจริงๆลองหาตามแหล่งธรรมชาติ ดูรีวิว หรืออาจจะอ่านข้อมูลสินค้าในเว็บนี้ก็ได้ เราอธิบายไปหมดว่ารุ่นไหนควรใช้ไฟเท่าไร เพื่ออรรถรสที่ดี กลิ่น รสชาติ ควัน ฟิลสูบ จะอยู่ในจุดที่ผู้ผลิตต้องการให้เป็น

คอยล์บุหรี่ไฟฟ้า เหมาะสำหรับนักสูบแบบไหน

ถ้าถามว่าเหมาะกับนักสูบแบบไหนก็ต้องตอบว่าทุกแบบ เพราะเป็นสิ่งสำคัญ และจำเป็นอย่างมากสำหรับบุหรี่ไฟฟ้า ดังนั้นเราจะจำกัดเพียงคอยล์สำเร็จเท่านั้น

• นักสูบผู้ไม่ค่อยมีเวลา แน่นอนว่าเราใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการติดตั้ง
• นักสูบมือใหม่ การพันลวด หรือใส่สำลีเอง อาจเป็นสิ่งที่ดูยุ่งยาก และต้องใช้ประสบการณ์
• นักสูบผู้ชอบความง่าย หลายคนมักหาอะไรทุ่นแรง และเวลา จึงตอบโจทย์มากๆ
• นักสูบที่เบื่อกับการใช้งานอะตอม มีบางครั้งที่คุณอาจรู้สึกเบื่อ เพราะช่วงหลังๆมา สินค้าประเภทอะตอมบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ค่อยมีออกมา หรือออกมาก็สไตล์เดิมๆ ทำให้นักสูบเริ่มเบื่อ เมื่อเปลี่ยนมาใช้พอต จะช่วยให้คุณได้ฟิลสูบแบบใหม่ๆ และอาจติดใจจนไม่กลับไปใช้อะตอมอีกเลย

วิธีถนอมคอยล์ให้อยู่นานๆ

อย่างที่บอกว่าอายุการใช้งานจำกัด บางคนสูบโหดมากๆก็อาจอยู่ได้ไม่ถึงกำหนดด้วยซ้ำ แล้วจะทำอย่างไรดีให้คุ้มค่า เราจะมาบอกเทคนิคดีๆ เพื่อถนอมอุปกรณ์ของคุณ นอกจากอยู่นานขึ้น อรรถรสก็ดีขึ้นด้วย

1. ก่อนเริ่มสูบต้องเตรียมคอยล์ก่อน วิธีเตรียมคือหยดน้ำยาเล็กน้อยบนช่องสำลี ไม่ต้องมาก เพื่อกระตุ้นสำลีให้พร้อม
2. เมื่อเตรียมเสร็จแล้วพอติดตั้งกับหัวพอต และเติมน้ำยา ให้รอประมาณ 5 - 10 นาที สำลีจะเดินน้ำยาอย่างทั่วถึง นอกจากรสชาติดี ยังป้องกันสำลีไหม้ด้วย
3. เวลาสูบให้ดึงลากเบาๆ ใจดีกับมันหน่อย อย่าโหดมาก เพราะการสูบแรงๆไม่ได้ช่วยให้เรื่องทำงานดีขึ้น แต่น้ำยาจะกระเด็นเข้าปาก
4. อย่าลากยาวๆ หากค่าโอห์มตั้งแต่ 0.8 ขึ้นไป ควรลากเพียง 3 - 4 วินาทีก็พอ หรือถ้าโอห์มต่ำกว่านั้นก็เพิ่มเวลาไม่เกิน 5 - 6 วินาทีก็ดึงเต็มปอดแล้ว
5. เว้นระยะเวลาระหว่างคำประมาณ 30 - 45 วินาที เพื่อให้สำลีมีโอกาสดึงน้ำยา และลวดได้ระบายความร้อน
6. เลือกน้ำยาที่มีคุณภาพ บางคนชอบแบบหวานๆ จริงอยู่ว่าอร่อย แต่สารให้ความหวานเมื่อโดนความร้อนจะเกิดการไหม้ และมีคราบดำง่าย เป็นสาเหตุให้เสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น
7. ไม่ควรเติมส่วนผสมแปลกๆลงในน้ำยา บางคนชอบหาอะไรไม่รู้มาใส่ ทั้งกลิ่นผสมอาหาร หรือแม้แต่น้ำเปล่าก็มี จะเป็นสนิมง่ายมากๆ
8. ทำความสะอาดหัวพอตเป็นประจำ ทุกครั้งที่เปลี่ยนคอยล์ หลายๆครั้งคราบดำ หรือคราบน้ำยาจะเกาะอยู่ในหัวพอต แล้วนักสูบหลายๆคนมองข้ามจุดนี้ไป นอกจากทำให้ลวดสำลีพังแล้ว ยังเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคด้วย